ยางขอบประตูรถยนต์เสื่อม และ วิธีเช็ค เปลี่ยนทันทีก่อนรถเสียหาย

ยางขอบประตูรถยนต์เสื่อม ซึ่งโดยทั่วไป ยางขอบประตูรถ จะทำจากยางหรือวัสดุยืดหยุ่นอื่น ๆ และ จะติดไว้รอบ ๆ ขอบประตูรถแต่ละบาน เป็นยางกันกระแทก ขอบประตูรถยนต์ กับกรอบประตูรถ มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้น้ำ เสียง ฝุ่น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เข้ามาภายในรถ แต่ขอบยางประตูรถยนต์อาจเสื่อมสภาพได้เนื่องจากการสัมผัสกับอากาศ แสงแดด และการสึกหรอตามระยะเวลาในการใช้งาน มาดูกันครับว่า แล้วเมื่อไหร่ที่ควรต้องเปลี่ยนยางขอบประตูรถยนต์

สัญญาณเตือนให้ต้องเปลี่ยน ยางขอบประตูรถยนต์เสื่อม

หากไม่เปลี่ยนยางขอบประตูรถยนต์ที่เสื่อม ขอบยางประตูก็จะไม่สามารถปกป้องรถของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้รถเกิดความเสียหาย มาพร้อมค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมากมาย ดังนั้น มาดูวิธีเช็คยางขอบประตูรถยนต์เสื่อมด้วยตัวเองทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

• ดูร่องรอยความเสียหายที่มองเห็นได้ เช่น มีรอยแตก ขาด แบนผิดรูป สียางซีด หรือขอบยางแข็ง หากสังเกตเห็นปัญหาเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนใหม่
• มีน้ำรั่วภายในรถตอนฝนตกหรือตอนล้างรถ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าขอบยางประตูไม่สามารถกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป แนะนำให้ตรวจสอบจุดที่เปียกหรือคราบน้ำบนพื้นผิวภายใน โดยเฉพาะบริเวณกรอบประตูรถ
• มีเสียงลมหรือเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาภายในรถขณะขับขี่ อาจเกิดจากการสึกหรอของขอบยางประตูรถจนทำให้เกิดเป็นช่องว่าง
• เปิดประตูได้ยากขึ้น หรือสังเกตเห็นว่าประตูปิดไม่สนิท เนื่องจากยางสูญเสียความยืดหยุ่น ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนขอบยางประตูรถใหม่

ต้องเปลี่ยนยางขอบประตูรถยนต์บ่อยแค่ไหน เงินติดล้อจะบอกให้

แนะนำให้เปลี่ยนขอบยางประตูรถทุก ๆ 10 ปี แม้คุณจะมองไม่เห็นร่องรอยความเสียหายที่ชัดเจนก็ตาม หรือตรวจสอบทุก ๆ 4 เดือนว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับขอบยางประตูรถหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายภายในตัวรถ อย่างไรก็ตามจะต้องเปลี่ยนขอบยางประตูรถบ่อยแค่ไหน อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถของแต่ละคนด้วย

ทำไมต้องเปลี่ยนเมื่อยางขอบประตูรถยนต์เสื่อม?

การตรวจสอบสภาพเป็นประจำและเปลี่ยนใหม่เมื่อพบว่าขอบยางเสื่อมสภาพ หรือมีอาการตามที่บอกไปข้างต้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ช่วยให้คุณประหยัดเงินค่าซ่อมในระยะยาวได้อย่างแน่นอน มาทำความเข้าใจหน้าที่ของยางขอบประตูรถยนต์ว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้าง

1. กันน้ำเข้ารถ

ขอบยางประตูรถยนต์ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำและความชื้นเข้าภายในตัวรถ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกหรือตอนล้างรถ หากไม่มีขอบยางประตูรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ น้ำอาจซึมเข้าไปในตัวรถ จนทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เบาะนั่ง และโครงสร้างโดยรวมของรถได้อย่างแน่นอน 

2. ลดเสียงรบกวน

ยางขอบประตูรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นฉนวนกันเสียง ช่วยซับเสียงลม เสียงการจราจร และเสียงรบกวนภายนอกต่าง ๆ เข้าสู่ห้องโดยสาร จึงช่วยให้คุณมีประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากจะทำหน้าที่เป็นตัวกั้นเสียงจากภายนอกแล้ว ยังช่วยกันฝุ่น สิ่งสกปรก และกลิ่นต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาในตัวรถอีกด้วย ช่วยให้ภายในรถสะอาด และไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง

3. ควบคุมอุณหภูมิ

ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้คงที่ด้วยการป้องกันการรั่วไหลของอากาศ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสาร ยางขอบประตูรถยนต์จะช่วยควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานที่เหมาะสมของระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ

4. รักษาความปลอดภัย

ขอบยางยังมีหน้าที่สำคัญในการเสริมความปลอดภัยให้กับตัวรถ ทำให้ประตูรถปิดสนิท ลดความเสี่ยงที่ประตูรถจะเปิดเองเมื่อขับขี่ในบางเส้นทาง ดังนั้น รถที่มีผู้โดยสารเป็นเด็กจึงต้องให้ความสำคัญกับการเช็คขอบยางรถเป็นอย่างมาก อีกทั้งขอบยางรถที่มีประสิทธิภาพยังช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการงัดแงะของโจรขโมย จนทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินมีค่าภายในรถไป

วิธีเปลี่ยนยางขอบประตูรถยนต์ด้วยตัวเอง

1. นำพลาสติกด้านล่างที่ครอบยางขอบประตูรถออก
2. ดึงยางขอบประตูรถในทิศทางจากล่างขึ้นบนออกทั้งหมด
3. นำผ้ามาเช็ดทำความสะอาดกรอบประตูโดยรอบ
4. นำยางขอบประตูรถของใหม่มาใส่ โดยเริ่มจากด้านล่างเพื่อที่จะได้นำพลาสติกมาครอบบริเวณรอยต่อของยางขอบ
5. ในระหว่างใส่ยางขอบประตู พยายามกดให้แนบกับกรอบประตูรถมากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณช่วงโค้ง
6. ทดลองเปิดปิดประตู

สรุป ความสำคัญของยางขอบประตูรถยนต์

หน้าที่และความสำคัญของขอบยางประตูรถมีมากกว่าแค่การป้องกันส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในรถไม่ให้เสียหาย แต่ยังช่วยให้คุณมีประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย เงียบสงบ และปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้น การบำรุงรักษาและคอยตรวจเช็คว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางขอบประตูรถยนต์แล้วหรือยัง จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปประสิทธิภาพของยางย่อมต้องเสื่อมไปตามเวลา

เครดิตเว็บไซต์ : ufarich777

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : fasterser